วันอังคาร, 21 ตุลาคม 2568
/home2/cp449816/public_html/khaothai.info/wp-content/themes/smartvariety_1.0.7/template-parts/search-form-xs.php on line 7
" placeholder="ค้นหา">

ประธานสภาเกษตรกรตราด จี้เกษตรกรยกระดับ “ทุเรียนไทย” สู่มาตรฐานสากล

หวั่นซ้ำรอย “ราคาต่ำร้อย” ชี้ทางรอดต้องเริ่มจาก “ตรวจดิน-ตรวจน้ำ” สร้างแบรนด์ผลไม้ไทยในตลาดโลก

ตราด – ที่ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ องค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด หอการค้าจังหวัดตราดร่วมกับเครือข่ายสหกรณ์จังหวัดตราด จัดเวทีเสวนาในหัวข้อ “ทุเรียนจะต่ำ 100” เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหาทางออกต่อปัญหาราคาทุเรียนตกต่ำที่กำลังเป็นเงาแห่งความกังวลของเกษตรกรทั่วภาคตะวันออก

เวทีนี้ไม่เพียงเป็นการถกเถียง แต่คือ “สัญญาณเตือน” ให้ทุกภาคส่วนตั้งแต่ผู้ปลูก ผู้ประกอบการ ไปจนถึงผู้ส่งออก ตระหนักถึงความจำเป็นในการยกระดับมาตรฐานทุเรียนไทยตั้งแต่ต้นน้ำ เพื่อให้ผลผลิตของไทยยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดโลก

นายเรือง ศรีนาราง ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดตราด เปิดเผยว่า ปี 2568–2569 ผลผลิตทุเรียนในพื้นที่ภาคตะวันออกจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 จากปีก่อน ซึ่งหากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี อาจส่งผลให้ราคาตกต่ำ แต่หากผลผลิตทยอยออกเป็นรุ่น ๆ ตามฤดูกาล เช่น จังหวัดตราดออกก่อน ตามด้วยจันทบุรีและระยอง จะช่วยพยุงราคาตลาดไม่ให้สวิงมากนัก

“ปีนี้เกษตรกรตราดพัฒนาเยอะมาก เราแก้ปัญหาสารแคดเมียมได้หมดแล้ว และยกระดับการปลูกอย่างเป็นระบบมากขึ้น ส่วนกรณีกัมพูชาไม่รับผลไม้ไทยนั้น ปริมาณน้อยมาก ไม่กระทบแน่นอน เพราะตอนนี้เราขยายตลาดไปอินเดียแล้ว” นายเรืองกล่าว

ด้าน ดร.มณฑล ปริวัฒน์ นายกสมาคมผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนและมังคุด กล่าวว่า หัวข้อ “ทุเรียนจะต่ำ 100” เป็นเพียงเสียงเตือน มิใช่คำทำนาย จุดประสงค์คือเพื่อให้เกษตรกรหันมาทบทวนวิธีการผลิตของตน เพราะบทเรียนจากปี 2567 ปัญหาสารแคดเมียมเคยทำให้ภาพลักษณ์ทุเรียนไทยสั่นคลอนในตลาดโลก

“หัวใจของการผลิตคือช่วงเตรียมใบ เตรียมดอก และเตรียมผลผลิต หากเริ่มต้นด้วย ‘ตรวจดิน ตรวจน้ำ’ เกษตรกรจะรู้จักสุขภาพของสวนตัวเอง และจัดการได้ถูกต้อง โดยเฉพาะเรื่องโลหะหนัก” ดร.มณฑลกล่าว พร้อมย้ำว่า ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ได้มองหาทุเรียนแค่อร่อย แต่ต้องการรู้ว่า “ปลูกอย่างไร ปลอดภัยแค่ไหน”

ขณะที่ นายปฏิวัติ (สงวนนามสกุล) ผู้ร่วมเสวนาอีกท่านหนึ่ง เสริมว่า หากไทยยังขายทุเรียนในฐานะ “สินค้าโภคภัณฑ์ทั่วไป” ก็ย่อมหนีไม่พ้นการแข่งขันด้านราคา แต่หากสามารถยกระดับให้เป็น “แบรนด์ทุเรียนไทยที่มีมาตรฐานสูง ปลอดภัย และผ่านการรับรองระดับโลก” เช่น GlobalGAP หรือ ISO จะทำให้ผู้ซื้อมั่นใจในคุณภาพ และประเทศผู้นำเข้าจะต้อง “แย่งซื้อ” แทนที่จะ “บีบราคา”

“ทุเรียนไทยจะไปไกลได้ ถ้าเราเริ่มต้นจากความรับผิดชอบในสวนของเราเอง” — เสียงสรุปจากเวทีเสวนาที่สะท้อนถึงโจทย์ใหญ่ของทั้งประเทศ ว่าการยกระดับมาตรฐานตั้งแต่ต้นน้ำ คือหนทางเดียวที่ “ราคาทุเรียนไทย” จะไม่ตกต่ำอีกต่อไป

จักรกฤชณ์ แววคล้ายหงษ์ / ตราด