เดือน: มกราคม 2025

นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบเหตุไฟไหม้ป่าอ้อยในพื้นที่หมู่ 9 ตำบลบึงสามพัน อำเภอบึงสามพัน ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 24 มกราคม 2568 เวลาประมาณ 21.30 น. โดยสั่งการให้ ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ไฟป่าหมอกควันจังหวัดเพชรบูรณ์ ประสานงานกับนายอำเภอบึงสามพันและปลัดอำเภอบึงสามพัน เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ดังกล่าว

จากการรายงานเบื้องต้น พบว่า เพลิงได้ลุกไหม้ป่าอ้อยไปประมาณ 15 ไร่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลซับสมอทอดและองค์การบริหารส่วนตำบลซับสมอทอด จะสามารถควบคุมเพลิงให้สงบลงได้ในเวลาประมาณ 23.00 น.

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้สั่งการให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด รวมทั้งประสานงานกับสำนักงานเกษตรอำเภอบึงสามพัน เพื่อดำเนินการตามประกาศกระทรวงเกษตรที่เกี่ยวข้องกับการเผาป่าและการเผาอ้อยต่อไป

ขอบคุณ ภาพ/ข่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบูรณ์

มุกดาหาร – เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 คณะกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณวุฒิสภา นำโดย นายภมร เชาว์ศิริกุล ประธานคณะอนุกรรมาธิการ ได้ลงพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อติดตามความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณและโครงการสำคัญ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำโขงบริเวณหน้าตลาดอินโดจีน และโครงการปรับปรุงตลาดอินโดจีน ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจและคาดว่าจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัด

ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า มุกดาหารเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน มูลค่าการค้าผ่านด่านศุลกากรมุกดาหารในปี 2567 สูงถึง 3.3 แสนล้านบาท นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้การสนับสนุนมุกดาหารให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีอุตสาหกรรมที่ได้รับสิทธิประโยชน์จาก BOI จำนวน 5 ราย และมีพื้นที่พัฒนาเขตเศรษฐกิจที่ติดชายแดนอีกด้วย

ประธานคณะอนุกรรมาธิการ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการเขื่อนริมโขงตลาดอินโดจีน และเร่งรัดให้โครงการดังกล่าวแล้วเสร็จโดยเร็ว นอกจากนี้ ยังได้หารือเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสนามบินมุกดาหาร ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ด่านศุลกากรมุกดาหาร ได้รายงานผลการดำเนินงานและการจัดเก็บรายได้ ซึ่งพบว่าในปี 2567 มีการจัดเก็บรายได้สูงถึง 873.514 ล้านบาท และในปี 2568 (เดือนตุลาคม-ธันวาคม) ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่าเป้าหมาย

การลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการวุฒิสภาในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของจังหวัดมุกดาหารในฐานะประตูการค้าและการลงทุนของประเทศไทย และเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาจังหวัดมุกดาหารให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น

อนุศักดิ์ – เสาวภา  แสนวิเศษ // จังหวัดมุกดาหาร      

สมุทรปราการ  25 มกราคม 2568 – บริษัท มหานครกรีน เอเนอร์จี้ จำกัด (MHG) ร่วมกับเทศบาลเมืองแพรกษาใหม่ จัดเวทีประชาคมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ RDF (Refuse Derived Fuel) จำนวน 3 โรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ

โครงการโรงไฟฟ้าขยะ RDF เป็นการนำขยะมูลฝอยชุมชนมาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ช่วยลดปริมาณขยะที่ถูกฝังกลบ และเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นพลังงานสะอาด นอกจากนี้ ยังเป็นการแก้ไขปัญหาขยะล้นเมืองที่เป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศไทย

จุดเด่นของโครงการ

• ลดปัญหาขยะ: ช่วยลดปริมาณขยะที่ถูกฝังกลบ ลดมลพิษ และรักษาสิ่งแวดล้อม
• พลังงานสะอาด: ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
• เทคโนโลยีทันสมัย: ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการควบคุมมลพิษทางอากาศและน้ำ
• มีส่วนร่วมของชุมชน: จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

เป้าหมายของโครงการ

• ลดปริมาณขยะ: มุ่งสู่เป้าหมาย Zero Waste Zero Landfill
• ผลิตพลังงานสะอาด: เพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียน
• พัฒนาชุมชน: สนับสนุนกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน

นายอบีนาช มาจี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์น เอเนอร์จี้ พลัส จำกัด กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยอย่างครบวงจรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เราเชื่อว่าการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการจัดการขยะ จะช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสร้างสรรค์สังคมที่ยั่งยืน”

บริษัท มหานครกรีน เอเนอร์จี้ จำกัด ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยการสนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้าขยะ RDF เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะและสร้างพลังงานสะอาดให้กับประเทศไทย

เดี่ยว / ศราวุธ คงสินธ์ ผู้สื่อข่าว จ.สมุทรปราการ  รายงาน

พิจิตร – คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา ลงพื้นที่จังหวัดพิจิตร หารือแนวทางแก้ไขปัญหาป่าสงวนซ้อนทับที่ทำกิน และสนับสนุนมาตรการเข้มงวดกับผู้กระทำผิดกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเผาป่าเผาฟางที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5

วันที่ 25 มกราคม 2568 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมวุฒิสภา พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดพิจิตร เพื่อติดตามสถานการณ์และหาแนวทางแก้ไขปัญหาสำคัญหลายประเด็น ได้แก่

ปัญหาป่าสงวนซ้อนทับที่ทำกิน: คณะกรรมาธิการฯ ยืนยันจะเร่งแก้ไขปัญหาให้กับราษฎรใน 3 ตำบล อ.สากเหล็ก ที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศแนวเขตป่าสงวนซ้อนทับที่ทำกิน โดยมีเป้าหมายในการเพิกถอนป่าสงวนในพื้นที่ดังกล่าว

ปัญหาฝุ่น PM2.5: คณะกรรมาธิการฯ เห็นด้วยกับมาตรการเข้มงวดของรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเผาป่าเผาฟางที่ก่อให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯ ยังได้เยี่ยมชมบึงสีไฟ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดพิจิตร และศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่ชุ่มน้ำ เพื่อนำไปเป็นแบบอย่างในการพัฒนาพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ

นายชีวะภาพ ชีวะธรรม กล่าวว่า ปัญหา PM2.5 เป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหานี้ให้หมดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้กระทำผิด จะเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันและลดปัญหาฝุ่น PM2.5

การลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการฯ ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่รัฐบาลให้กับปัญหาสิ่งแวดล้อม และความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

สิทธิพจน์ เกบุ้ย ผู้สื่อข่าวจังหวัดพิจิตร รายงาน

วันที่ 24 มกราคม 2568 คณะอนุกรรมาธิการบริหารจัดการน้ำ, มลพิษและสิ่งแวดล้อม นำโดย นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม สมาชิกวุฒิสภา ได้เดินทางมาศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขด้านการบริหารจัดการน้ำ การบริหารจัดการขยะ และการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมี นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้การต้อนรับ

จุดประสงค์ของการลงพื้นที่

• ศึกษาสถานการณ์น้ำท่วม ภัยแล้ง และดินโคลนถล่ม: คณะทำงานได้เข้าร่วมประชุมและหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและหาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม โดยเฉพาะกรณีศึกษาเหตุการณ์น้ำป่าโคลนถล่มที่ตำบลน้ำก้อ ซึ่งเคยเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2544
• เยี่ยมชมโครงการที่น่าสนใจ: คณะทำงานได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมอ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง ทุ่งกังหันลมเขาค้อ และศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาจากเหตุการณ์น้ำป่าโคลนถล่มที่ตำบลน้ำก้อ เพื่อนำองค์ความรู้กลับไปพัฒนาในพื้นที่อื่น ๆ

ประเด็นสำคัญที่นำมาพิจารณา

• การบริหารจัดการน้ำ: เน้นการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำ การบริหารจัดการน้ำในฤดูแล้ง และการป้องกันน้ำท่วม
• การบริหารจัดการขยะ: มุ่งเน้นการจัดการขยะอย่างครบวงจร ตั้งแต่การลดปริมาณขยะ การคัดแยกขยะ และการนำขยะไปรีไซเคิล
• การใช้ประโยชน์ในที่ดิน: ส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างยั่งยืน เช่น การทำเกษตรอินทรีย์ การปลูกป่า และการพัฒนาพลังงานทดแทน

การลงพื้นที่ครั้งนี้คาดว่าจะนำไปสู่การพัฒนานโยบายและมาตรการในการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมในระดับประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ขอบคุณ ภาพ/ข่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบูรณ์