มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเชิงวิชาการ เรื่อง “รัฐประหารกับการเมืองไทย”

เพชรบูรณ์ 13 ม.ค. 68 – มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ จัดโครงการสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง “รัฐประหารกับการเมืองไทย” เปิดเวทีให้นักศึกษา นักวิชาการ และผู้สนใจได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองไทยอย่างสร้างสรรค์

รองผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ เป็นประธานเปิดงาน

การสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายกกชัย ฉายรัศมีกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมี ผศ.ดร. ปรีชา เรืองฤทธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ และคณาจารย์จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ร่วมให้การต้อนรับ

นักศึกษาเป็นผู้ริเริ่ม

โครงการสัมมนาครั้งนี้เกิดจากความริเริ่มของนักศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชารัฐศาสตร์ รุ่นที่ 1 ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของประเด็นรัฐประหารที่มีผลกระทบต่อการเมืองไทย และต้องการสร้างพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวงกว้าง

จุดประสงค์ของการจัดงาน

  • เชื่อมโยงทฤษฎีสู่การปฏิบัติ: เพื่อให้นักศึกษาได้นำความรู้ทางทฤษฎีที่เรียนมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์สถานการณ์จริง
  • สร้างเวทีแลกเปลี่ยน: เปิดโอกาสให้นักศึกษา นักวิชาการ และผู้สนใจได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองที่หลากหลาย
  • ส่งเสริมการคิดวิเคราะห์: กระตุ้นให้นักศึกษาและผู้เข้าร่วมสัมมนาได้พัฒนาทักษะในการวิเคราะห์ปัญหาทางการเมือง

รายละเอียดเพิ่มเติม  วันที่: 13 มกราคม 2568  เวลา: 13.00 น. เป็นต้นไป

สถานที่: ห้องประชุมศรีชมภู ชั้น 1 อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์

ขอบคุณ ภาพ/ข่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบูรณ์

อำเภอคลองใหญ่ ตราด คุมเข้มยาเสพติด สถานการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ยังปลอดภัย

ตราด – นายเชิดศักดิ์ ชุ่มนาเสียวนายอำเภอคลองใหญ่ จ.ตราด เปิดเผยว่า หลังจากได้รับนโยบายจากรัฐบาลให้เข้มงวดสอดส่องดูแลปัญหายาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ในพื้นที่ชายแดน อำเภอคลองใหญ่ซึ่งติดกับประเทศกัมพูชา ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ได้มีการร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามอย่างจริงจัง

เน้นย้ำความปลอดภัยด้านอื่นๆ

แม้ว่าปัญหายาเสพติดจะเป็นประเด็นหลักที่ต้องให้ความสำคัญ แต่ทางอำเภอคลองใหญ่ยังคงเฝ้าระวังปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์อย่างใกล้ชิด โดยจากการตรวจสอบพบว่ายังไม่มีรายงานการเกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอจะยังคงเข้มงวดมาตรการป้องกันและปราบปรามต่อไป

จับมือทุกภาคส่วนแก้ปัญหา

นายอำเภอคลองใหญ่ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สถานการณ์ปัจจุบันและแนวทางในอนาคต

ปัจจุบันสถานการณ์ยาเสพติดในอำเภอคลองใหญ่ยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ มีการจับกุมผู้ค้าและผู้เสพเป็นระยะ แต่ส่วนใหญ่เป็นรายย่อย อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอจะยังคงเดินหน้าปราบปรามอย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับการป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

คำแนะนำสำหรับประชาชน

  • แจ้งเบาะแส: หากพบเห็นสิ่งผิดปกติหรือมีข้อมูลเกี่ยวกับยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือการค้ามนุษย์ สามารถแจ้งมาได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1599 หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่
  • ร่วมมือกัน: ช่วยกันสอดส่องดูแลบุคคลในครอบครัวและชุมชน หากพบว่ามีใครมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย ควรเข้าไปตักเตือนหรือแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบ
  • ปฏิเสธสิ่งล่อใจ: ไม่ยอมรับสิ่งของหรือเงินจากบุคคลที่ไม่รู้จัก และไม่หลงเชื่อข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง

รถตู้ชนต้นไม้ยับ! กู้ภัยปราจีนบุรีเร่งช่วยคนขับติดภายใน

กบินทร์บุรี 13 ม.ค. 68 เกิดอุบัติเหตุสลดบนถนนสายสุวรรณศร (33) สายเก่า หน้าวัดนครกบินทร์ ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เมื่อรถตู้ทึบสีขาว อีซูซุ ทะเบียน ฒน 6497 พุ่งชนต้นไม้ข้างทางอย่างแรง ทำให้คนขับติดอยู่ภายในซากรถเสียหาย

เจ้าหน้าที่กู้ภัยสัจจะพุทธธรรมกบินทร์บุรีเร่งเข้าช่วยเหลือด้วยการใช้เครื่องตัดถ่างเพื่องัดซากรถออกมา โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที จึงสามารถนำตัวนายศิริพันธ์ ดวงชนะ คนขับออกมาได้ในสภาพขาขวาหัก ก่อนจะรีบนำส่งโรงพยาบาลกบินทร์บุรีเพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน

จากการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้อาจเกิดจากรถเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี จะได้ทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ตราดหนาวสุดขั้ว! อุณหภูมิลดต่ำ 19 องศา ประชาชนสวมเสื้อกันหนาวหนีหนาว PM 2.5 พุ่งเกินค่ามาตรฐาน น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้านเรือนริมคลอง

ตราด – เช้าวันนี้ (13 มกราคม 2568) อุณหภูมิในจังหวัดตราดลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนต้องปรับตัวสวมเสื้อกันหนาวเพื่อออกจากบ้านไปทำงานและโรงเรียน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้รถจักรยานยนต์สัญจรไปมา ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นและลมแรง อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 19-20 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นอุณหภูมิที่ต่ำผิดปกติสำหรับจังหวัดตราด

โรงเรียนปรับตัวรับมืออากาศหนาว

โรงเรียนบ้านท่าเรือจ้าง (ประชาชนูปถัมภ์) ต.วังกระแจะ อ.เมือง จ.ตราด เป็นหนึ่งในสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศหนาวเย็นนี้ โดยครูและนักเรียนทุกคนต้องสวมเสื้อกันหนาวเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นขณะทำกิจกรรมการเรียนการสอน นางสาวมุทิตา แพทย์ประทุม ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าวว่า โรงเรียนได้เน้นย้ำให้นักเรียนดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยเช่นนี้ และกังวลว่านักเรียนอาจจะป่วยจากอากาศหนาว จึงขอให้นักเรียนทุกคนสวมเสื้อกันหนาวมาโรงเรียน นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังได้แจ้งเตือนให้ครูและนักเรียนสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 ที่มีค่าเกินมาตรฐานอีกด้วย

PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

ข้อมูลจากแอปพลิเคชันตรวจสอบฝุ่นของ GISTDA แสดงให้เห็นว่า จังหวัดตราดมีค่าฝุ่นละออง PM 2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 38 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ที่ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้ประชาชนต้องระมัดระวังสุขภาพและหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง

น้ำทะเลหนุนสูง ท่วมบ้านเรือนริมคลอง

นอกจากสภาพอากาศหนาวเย็นและปัญหาฝุ่นละอองแล้ว ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองบางพระในเขตเทศบาลเมืองตราดยังต้องเผชิญกับปัญหาน้ำทะเลหนุนสูงอีกด้วย โดยนายสุรศักดิ์ ภูติภัทร นายกเทศบาลเมืองตราด ได้ออกมาเตือนประชาชนให้ระมัดระวังความปลอดภัยจากน้ำท่วมและลมแรง เนื่องจากในช่วงวันที่ 13-15 มกราคม 2568 ระดับน้ำจะสูงสุดในรอบปี โดยเฉพาะบริเวณตลาดท่าเรือจ้างและบ้านเรือนริมคลองบางพระ ซึ่งมีน้ำท่วมขังและไหลเข้าท่วมบ้านเรือนบางหลัง

คำแนะนำสำหรับประชาชน

  • สวมเสื้อผ้าที่อบอุ่น: เพื่อป้องกันร่างกายจากอากาศหนาวเย็น
  • สวมหน้ากากอนามัย: เพื่อป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5
  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง: ในช่วงที่มีค่าฝุ่นละอองสูง
  • เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม: สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ริมคลองหรือพื้นที่ลุ่ม

เพชรบูรณ์หนาวสุดขั้ว! อุณหภูมิติดลบ 3 องศา แม่คะนิ้งจับทั่วบ้านห้วยหญ้าเครือ ผู้ว่าฯ สั่งเฝ้าระวังภัยหนาว

เพชรบูรณ์ – อุณหภูมิในจังหวัดเพชรบูรณ์ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา อุณหภูมิในพื้นที่บ้านห้วยหญ้าเครือ ตำบลน้ำหนาว อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ลดลงถึง -3 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งหรือ แม่คะนิ้ง เกาะตามพื้นดิน ใบหญ้า และหลังคารถเป็นจำนวนมาก

บ้านห้วยหญ้าเครือ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาเพชรบูรณ์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเฉลี่ย 750-800 เมตร และเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ซึ่งมักจะมีปรากฏการณ์แม่คะนิ้งให้ชมกันอย่างสวยงาม

นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เฝ้าระวังสถานการณ์อากาศอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ระมัดระวังอันตรายจากอากาศหนาวจัด รวมถึงเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย

สำหรับประชาชน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้

  • ติดตามข่าวสาร: ติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด
  • ดูแลสุขภาพ: สวมใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น หลีกเลี่ยงการออกจากบ้านในช่วงที่มีอากาศหนาวจัด
  • ป้องกันอัคคีภัย: ระมัดระวังในการใช้ไฟ เพราะสภาพอากาศแห้งอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย
  • ช่วยเหลือกัน: ช่วยเหลือเพื่อนบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอากาศหนาว

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ หมายเลขโทรศัพท์/โทรสาร 056729792

สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา สร้างกำไรกว่า 1,400 ล้านบาท ประชุมใหญ่สามัญ เตือนภัยมิจฉาชีพหลอกลวงสมาชิก

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568 ที่ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ถนนราชสีมา-ปักธงชัย ตำบลปรุใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นายสมศักดิ์ จักสาร ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด พร้อมด้วยนายปริญญา ประจง รองประธานกรรมการ , นายสุรชัย แย้มกาญชนจนวัฒน์  รองประธานกรรมการ , นายวีระ โรจน์หิรัญ ได้ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 เพื่อรายงานผลการดำเนินงานประจำปี และขออนุมัติงบประมาณรายรับ-รายจ่าย ประจำปี 2568 และตรวจสอบการบริหารงานของคณะกรรมการดำเนินการ ตรวจสอบการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการบัญชีและการควบคุมการเงิน โดยมีสมาชิกเข้าร่วมอย่างพร้อมเพียง

นายสมศักดิ์ จักสาร ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด เผยว่า การดำเนินงานของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมาจำกัด ได้สิ้นสุด รอบปีทางบัญชีปี 2567 ในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ทางคณะกรรมการได้จัดทำงบทางการเงินประจำปี 2567 ซึ่งผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตได้ตรวจสอบและรับรอง จึงกำหนดประชุมสามัญ ประจำปี 2567 ตามข้อบังคับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด เพื่อรายงานผลการดำเนินงานเพลงประกอบด้วยข้อมูลทางการเงิน การบัญชีแผนยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาสหกรณ์การแก้ไขระเบียบข้อบังคับ นอกเหนือจากนี้จะเป็นระเบียบวาระเพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาให้ความเห็นชอบ อนุมัติเพื่อดำเนินการในรอบปีบัญชีต่อไป การดำเนินงานในปี 2567 มีการเลือกตั้งประธานกรรมการและคณะกรรมการ ซึ่งทีมรักษ์สหกรณ์ ภายใต้การนำของ นายทองวิริยะจารุ ไปรับความไว้วางใจจากมวลสมาชิกให้เข้ามาเป็นกรรมการดำเนินงานชุดที่ 67 และช่วยเหลือสมาชิกที่ประสบปัญหาชำระหนี้ปกป้องคุ้มครองสมาชิกให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีจากสถาบันการเงิน

อย่างไรก็ตามสมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด มีจำนวน 30,095 คน มีผลการดำเนินงานดังนี้ ทุนดำเนินงาน 40,050,538,979.32 บาท รายได้จากการดำเนินงาน 2,158,597,060.91 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 717,516,373.79 บาท กำไรสุทธิ 1,441,080,687.12 บาท ทั้งนี้ด้านสินเชื่อระหว่างปีสหกรณ์ให้เงินกู้แก่สมาชิกทั้งสิ้น จำนวน 9,859,198,731.20 บาท แบ่งเป็นผู้ฉุกเฉิน 724,626,731.20 บาท เงินกู้สามัญ 9,129,394,000.00 บาท เงินกู้พิเศษ 5,178,000.00 บาท ทั้งนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ยังฝากเงินสหกรณ์อื่น 1,726,114,440.00 บาท รวมไปถึงการซื้อหุ้นสหกรณ์อื่น 75,188,000.00 บาท เพื่อทำให้เกิดรายได้กับสหกรณ์ เพื่อให้มีความเสถียรภาพและสภาพคล่อง อีกทั้งทางคณะกรรมการทุกคนตั้งใจจะปฏิบัติงานตามบทบาทหน้าที่ด้วยความสามัคคีวางแผนงานร่วมกับหน่วยงานจัดเก็บเงินของสหกรณ์ ปรับกระบวนการเร่งรัด ติดตามหนี้ ต้องเติมความมั่นคงทางการเงินให้สมาชิก อย่างไรก็ตาม พบว่ามิจฉาชีพแฝงมาทุกรูปแบบ และมีการเข้ามาหลอกลวงสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด โดยมีการอ้างเกี่ยวกับเงินประกันชีวิต เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ โดยการให้มีการโหลด app ให้สแกนหน้า ตามคำบอกกล่าวของวิชาชีพ จนมีผู้หลงเชื่อหลายราย และศูนย์เงินไปแล้วจำนวนหลายหลาย จึงอยากแจ้งเตือนสมาชิกให้ระมัดระวัง หากต้องไปให้ติดต่อมาทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูโดยตรง อย่าไปหลงเชื่ออย่า ไปโอน

ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา รายงาน

กลุ่มบิ๊กไบค์ใจบุญ ร่วมกันเก็บขยะผาตัดลูกที่ 1 สร้างสรรค์เพชรบูรณ์ให้สะอาด

เพชรบูรณ์ 12 ม.ค. 2568 กลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์กว่า 100 คัน ร่วมใจกันทำกิจกรรมจิตอาสา เก็บขยะบริเวณลานกางเต็นท์ผาตัดลูกที่ 1 ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อรักษาความสะอาดของแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งนี้

ผาตัดลูกที่ 1 เป็นจุดชมวิวอันสวยงาม ที่นักท่องเที่ยวหลั่งไหลมากางเต็นท์สัมผัสอากาศหนาวเย็น แต่ปัญหาขยะที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาดก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่ากังวล กลุ่มบิ๊กไบค์จึงรวมตัวกันจัดกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

นายอุดร กลิ่นกุหลาบ ตัวแทนกลุ่มผู้ขับขี่ กล่าวว่า ตนและเพื่อนๆ รู้สึกเป็นห่วงสภาพแวดล้อมของผาตัด จึงอยากทำกิจกรรมเพื่อคืนกำไรให้กับธรรมชาติ ขยะที่เก็บได้ส่วนใหญ่เป็นขยะจากกิจกรรมการกางเต็นท์ เช่น กระดาษทิชชู่เปียก ห่อขนม ขวดเครื่องดื่ม และเศษอาหาร ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและภาพลักษณ์ของแหล่งท่องเที่ยว

คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว นายอุดร ฝากถึงนักท่องเที่ยวทุกท่านว่า ควรช่วยกันรักษาความสะอาด โดยนำขยะที่เกิดจากการใช้งานกลับลงไปทิ้งในจุดที่กำหนด เพื่อให้ผาตัดลูกที่ 1 ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและน่าประทับใจตลอดไป

ผู้ว่าฯ เพชรบูรณ์ สั่งเร่งดับไฟป่าเขาค้อ หน่วยงานบูรณาการสู้ไฟป่าอย่างเข้มข้น

เพชรบูรณ์ – นายศรัณยู มีทองคำ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดับไฟป่าที่ลุกไหม้ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาค้อและป่าชุมชนอย่างเร่งด่วน หลังเกิดเหตุไฟป่าลุกลามเป็นวงกว้าง สร้างความเสียหายให้กับทรัพยากรป่าไม้จำนวนมาก

นางสาวพิชญา พุทธสิมมา หัวหน้าฝ่ายป้องกันและปฏิบัติการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาค้อ หัวหน้าหน่วยดับไฟป่าจังหวัด พิษณุโลก และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่

สถานการณ์ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่เร่งดับไฟป่าอย่างเต็มกำลัง แต่ยังคงเผชิญกับความท้าทายจากสภาพป่าที่แห้งแล้งและภูมิประเทศที่สูงชัน ขณะเดียวกัน ไฟป่ายังลุกลามไปยังพื้นที่ป่าชุมชนและป่าอนุรักษ์ใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง

มาตรการรับมือ

  • ระดมกำลัง: เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงอาสาสมัคร ได้ร่วมกันดับไฟป่าอย่างเต็มกำลัง
  • ประสานความร่วมมือ: ประสานกับโครงการชลประทานจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อขอใช้น้ำและพื้นที่ในการดับไฟป่า และตั้งหน่วยบัญชาการเหตุการณ์และจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ เพื่อรองรับการใช้อากาศยานในการดับไฟหากมีความจำเป็น
  • แจ้งเตือนประชาชน: ผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือในการแจ้งเหตุการลักลอบเผาป่า หากพบเห็นให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินคดี

ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมสถานการณ์ไฟป่าให้ได้โดยเร็วที่สุด และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก

ขอบคุณ ภาพ/ข่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบูรณ์

ไฟป่าเขาค้อสงบลงแล้ว! เจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ได้สำเร็จ

เพชรบูรณ์ 12 ม.ค. 68 – ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ไฟป่าหมอกควันจังหวัดเพชรบูรณ์ แจ้งข่าวดีว่า สถานการณ์ไฟป่าบนภูเขาเส้นทางเขาค้อ-หล่มสัก ที่ลุกไหม้เมื่อคืนวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา ได้รับการควบคุมแล้วในวันนี้ โดยเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานร่วมกันดับไฟจนสงบลงทั้งหมด

สาเหตุและความเสียหาย

เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุของการเกิดไฟป่าในครั้งนี้อาจเกิดจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งและลมแรง ส่งผลให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 40 ไร่

มาตรการป้องกันและแก้ไข

หลังจากสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไฟป่าซ้ำอีก โดยได้มีการจัดตั้งจุดเฝ้าระวังและส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำการในพื้นที่เสี่ยง นอกจากนี้ ยังได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยกันดูแลและระมัดระวังเรื่องการจุดไฟเผาป่า

ข้อควรระวัง

ช่วงฤดูแล้งเป็นช่วงที่เกิดไฟป่าได้ง่าย ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการจุดไฟเผาป่าหรือเศษวัสดุที่อาจก่อให้เกิดประกายไฟ และหากพบเห็นเหตุการณ์ไฟป่า ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที

ขอบคุณ ภาพ/ข่าว สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบูรณ์

แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งเร่งดับไฟป่าปากช่อง ฮ.พ่นน้ำสกัดเพลิงจนสงบ

นครราชสีมา 11 ม.ค. 68 – พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางลงพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามสถานการณ์และสั่งการให้เร่งดับไฟป่าที่ลุกไหม้ต่อเนื่องในพื้นที่เขาเสียดอ้า ตำบลพญาเย็น โดยได้สั่งการให้เฮลิคอปเตอร์เข้าสนับสนุนการดับไฟ จนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้สำเร็จ

เหตุการณ์ไฟป่าที่ปากช่อง เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม และยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะพยายามควบคุมเพลิงแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม ด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนในพื้นที่ ทำให้สามารถดับไฟป่าครั้งนี้ได้สำเร็จ

แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาไฟป่า โดยได้สั่งการให้กำลังพลและยุทโธปกรณ์ของกองทัพภาคที่ 2 เข้าสนับสนุนการดับไฟอย่างเต็มที่

การดับไฟป่าในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งของการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

ณัฐพงศ์ อรชร/ข่าวนครราชสีมา รายงาน